ดาวเนปจูน (Neptune)
ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ที่สุดตามนิยามดาวเคราะห์ใหม่ที่ไม่จัดดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ ดาวดวงนี้ถูกค้นพบครั้งแรกด้วยการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เนื่องมาจากมีเหตุการณ์ที่วงโคจรของดาวยูเรนัสมีความผิดปรกติ นักวิทยาศาสตร์จึงสงสัยว่า จะต้องมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่มีแรงดึงดูดสูงพอที่จะเปลี่ยนเส้นทางการโคจรของดาวยูเรนัสได้ ผลที่ได้ก็คือ การค้นพบดาวเนปจูนโดยนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ เออร์เบน โจเซฟ ลี เวอเลียร์ (Urbain Joseph Le Verrier) เป็นผู้คำนวณและส่งผลไปไห้นักดาราศาสตร์เยอรมันชื่อ โจฮัน ก็อทฟรีด กาลล์ (Johann Gotfried Galle) เพื่อส่องกล้องหาดาวเคราะห์ตามตำแหน่งที่ได้คำนวณไว้ ซึ่งเขาสามารถพบดาวเนปจูนในคืนแรกของการสำรวจ ดาวเนปจูนมีสีน้ำเงินเข้มซึ่งเกิดจากมีเทนและธาตุอื่นซึ่งยังไม่เป็นที่เข้าใจของนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน สนามแม่เหล็กของดาวเนปจูนมีลักษณะแปลกเช่นเดียวกับดาวยูเรนัสคือมีแกนสนามแม่เหล็กเอียงออกมาจากแกนการหมุนรอบตัวเองถึง 47 องศา และมีสภาพสนามแม่เหล็กที่ซับซ้อน ขณะนี้เราค้นพบดาวบริวารของดาวเนปจูนจำนวน 13 ดวง ดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดของดาวเนปจูน คือ ไทรทัน (Triton) ซึ่งเป็นวัตถุที่เย็นที่สุดเท่าที่เคยพบมาในระบบสุริยะ (อุณหภูมิผิวประมาณ -235 องศาเซลเซียส)
ตารางแสดงข้อมูลที่สำคัญของดาวเนปจูน
ค้นพบโดย โจฮัน ก็อทฟรีด กาลล์ (Johann Gotfried Galle) | |
ระยะทางโดยเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ | 4,498,252,900 km |
ระยะทางใกล้ที่สุดจากดวงอาทิตย์ | 4,459,630,000 km |
ระยะทางไกลที่สุดจากดวงอาทิตย์ | 4,536,870,000 km |
รัศมีบริเวณเส้นศูนย์สูตร | 24,764 km |
เส้นรอบวงบริเวณเส้นศูนย์สูตร | 155,597 km |
ปริมาตร | 62,526,000,000,000 km3 |
มวล | 102,440,000,000,000,000,000,000,000 kg |
ความหนาแน่นเฉลี่ย | 1.76 g/cm3 |
ค่าความรีของวงโคจร | 0.00859 |
อุณหภูมิยังผล | -214 °C |
ดาวเนปจูนหรือดาวเกตุ ( Neptune )
อยู่ห่างไกลมากจึงมองเห็นเพียงเป็นจุดสว่างสีน้ำเงินจาง ๆ สีน้ำเงินของดาวเนปจูนเกิดจากก๊าซมีเทนในบรรยากาศ ซึ่งให้สีน้ำเงิน นอกจากนี้ในบรรยากาศยังมีไฮโดรเจน ฮีเลียม และไอน้ำ
ใต้บรรยากาศที่หนาทึบและเต็มไปด้วยเมฆ ดาวเนปจูนอาจประกอบด้วยส่วนผสมของหิน น้ำ แอมโมเนียเหลวและมีเทน
อยู่ห่างไกลมากจึงมองเห็นเพียงเป็นจุดสว่างสีน้ำเงินจาง ๆ สีน้ำเงินของดาวเนปจูนเกิดจากก๊าซมีเทนในบรรยากาศ ซึ่งให้สีน้ำเงิน นอกจากนี้ในบรรยากาศยังมีไฮโดรเจน ฮีเลียม และไอน้ำ
ใต้บรรยากาศที่หนาทึบและเต็มไปด้วยเมฆ ดาวเนปจูนอาจประกอบด้วยส่วนผสมของหิน น้ำ แอมโมเนียเหลวและมีเทน
วงโคจร: 4,504,000,000 ก.ม. (30.06 AU) จากดวงอาทิตย์ เส้นผ่านศูนย์กลาง: 49,532 ก.ม. (เส้นศูนย์สูตร) มวล: 1.0247 x 1026 ก. ก. ในปี 1846 ชาวเยอรมันชื่อ Johann Galle ได้พบโลกใหม่ด้วยกล้องโทรทัศน์ขนาดใหญ่ มันอยู่ในตำแหน่งที่นักดาราศาสตร์คนอื่นได้ระบุไว้ก่อนแล้ว ดาวเคราะห์ดวงใหม่มีสีน้ำเงินมีชื่อว่าดาวเนปจูนตามชื่อเทพเจ้าแห่งทะเล เนื่องจากวงโคจรของ ดาวพลูโต เป็นวงรีมาก, บางครั้งมันจะตัดกับวงโคจรของเนปจูน ทำให้เนปจูนเป็นดาวเคราะห์ซึ่งอยู่ใกลที่สุดในบางปี เนปจูน มีองค์ประกอบคล้ายคลึงกับยูเรนัส: หลายรูปแบบของ " น้ำแข็ง" และหิน ไฮโดรเจน 15% และไฮโดรเจนจำนวนเล็กน้อย คล้ายยูเรนัสแต่ไม่เหมือน ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์, มันไม่มีชั้นภายในที่ชัดเจน มันมีแกนที่เล็ก (มีมวลประมาณเท่าโลก) เป็นวัตถุประเภทหิน บรรยากาศเต็มไปด้วย ไฮโดรเจนและ ฮีเลียม มีมีเทนจำนวนเล็กน้อย
เนปจูน มีสีฟ้า ซี่งเป็นมาจากการดูดกลืนแสงสีแดง โดยมีเทนในชั้นบรรยากาศ เหมือนกับ ดาวเคราะห์แก๊ส โดยทั่วไป, เนปจูนมีลมพัดแรงมาก ซึ่งจำกัดตาม แนวละติจูด และพายุหมุนขนาดใหญ่ ลมของเนปจูนพัดแรงที่สุดในระบบสุริยะ มันมีความเร็วถึง 2,000 ก.ม./ชั่วโมง เช่นเดียวกับดาวพฤหัสบดี และดา เสาร์, เนปจูนมีแหล่งความร้อนภายใน มันแผ่รังสีมากกว่า 2 เท่า ของที่รับจากดวงอาทิตย์
กลุ่มควันน้ำแข็ง
เนปจูนก็มีวงแหวนเช่นกัน การสำรวจจากกล้องโทรทรรศน์บนพื้นโลกแสดง เพียงอาร์ควงกลม แทนที่จะ เป็นวงแหวน, แต่ภาพถ่ายจาก ยานวอยเอเจอร์ 2 แสดงวงแหวนที่สมบูรณ์ และใน บางช่วงจะสว่างเป็นพิเศษ มีวงแหวนวงหนึ่งมีโครงสร้างที่บิดเป็นเกลียวอย่างเห็นได้ชัด (ขวา) เหมือนกับดาวยูเรนัส และ ดาวพฤหัสบดี, วงแหวนของเนปจูนมืด และยังไม่ทราบองค์ประกอบ
วงแหวนของดาวเนปจูนมีชื่อเรียกขาน: วงนอกสุดชื่อ อดัมส์ (ซึ่งประกอบด้วยอาร์ควงกลมสะดุดตา 3 อาร์ค ชื่อ ลิเบอร์ตี้, อีควอลิตี้ และฟราเทอนีตี้). วงถัดเข้ามา ไม่มีชื่อ ใช้วงโคจรร่วมกับ ดวงจันทร์กาลาที, วงถัดมาชื่อ เลอเวอร์เรียร์ (ซึ่งมีส่วนต่อออกไปชื่อ ลาสเซล และอราโก) และวงสุดท้าย บางแต่กว้างชื่อ กัลเล สนามแม่เหล็กของดาวเนปจูน มีรูปทรงประหลาดคล้ายของดาวยูเรนัส บางทีมันอาจกำเนิดจาก การเคลื่อนที่ของวัตถุตัวนำ (ซึ่งอาจเป็นน้ำ) ในชั้นกลางของดาว
นักดาราศาสตร์ได้พบดาวบริวารสองดวงที่หมุนรอบดาวเนปจูน ดาวดวงหนึ่งมีขนาดเล็กชื่อว่า Neried ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 300 ไมล์ และหมุนรอบ ห่างจากดาวเนปจูน 3,475,000 ไมล์ ดาวบริวารดวงอื่นๆของดาวเนปจูนคือดาว Triton มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2,100 ไมล์เป็นดาวบริวารที่ใหญ่เป็นที่สี่ ดาว Triton อาจมีบรรยากาศ มันอาจมีมหาสมุทรมีเธนและไนโตรเจนมันหมุนรอบดาวเนปจูนโดยห่างจากดาวเนปจูนเป็นระยะทาง 220,625 ไมล์ ดาว Triton หมุน รอบดาวเนปจูนในทิศทางตรงกันข้ามจากดาวบริวารส่วนใหญ่ มันยังเคลื่อนไหวเข้าไกล้ดาวเนปจูนในเวลา 10 ล้าน ถึง 100 ล้านปี มันอาจปะทะกับดาวเนปจูน หรือมันอาจแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆและก่อตัวเป็นรูปวงแหวนขนาดกว้างล้อมรอบดาวเนปจูน
ข้อมูลดาวเนปจูน
เส้นผ่าศูนย์กลาง 50,000 กิโลเมตร
มวล (โลก = 1) 17.15 เท่าของโลก
ความหนาแน่นเฉลี่ย 1,640 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร
คาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 165 ปี
คาบการหมุนรอบตัวเอง 16 ชั่วโมง
ระยะห่างจากดวงอาทิตย์เฉลี่ย 4,500 ล้านกิโลเมตร
ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์ใหญ่เป็นที่ 4 ในระบบสุริยะ จุโลกได้ถึง 60 ดวง โคจรห่างจาก ดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 8 เป็นดาวเคราะห์ก๊าซที่มีองค์ประกอบคล้ายกับดาวยูเรนัส คือ ไฮโดรเจน และฮีเลียม ผสมกับ แอมโมเนีย มีเทนแข็ง โดยมีใจกลางเป็นแกนหินขนาดเท่าโลก เนื่องจากดาวเนปจูนอยู่ไกลจากโลกมาก จนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และต้องใช้ กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่เท่านั้นจึงจะเห็นเป็นจุดริบหรี่ได้ สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับดาวเนปจูนทุกวันนี้ จึงเป็นข้อมูลที่ได้จากยานวอยเอเจอร์ 2 ซึ่งเข้าไปสำรวจ ดาวเนปจูนเมื่อปี
พ.ศ.2532
โครงสร้างของดาวเนปจูน ดาวเนปจูนมีขนาดและโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับดาวยูเรนัสโดยมีแกนกลางเป็นหินและน้ำแข็ง ซึ่งมีมวลประมาณ 1.2 เท่าของแกนของโลกเรา มีความดันประมาณ 7 ล้านบาร์ ซึ่งมากกว่าความดันบรรยากาศบนพื้นโลกกว่าล้านเท่าและคาดว่ามีอุณหภูมิสูงกว่า 5400 เคลวิน ชั้นแมนเทิลของดาวเนปจูนประกอบด้วยน้ำ แอมโมเนีย และมีเทนที่มีอุณหภูมิ 2000 ถึง 5000 เคลวินและมีมวลประมาณ 10 ถึง 15 เท่าของมวลของโลก โดยชั้นของแมนเทิลนี่เองที่สร้างสนามแม่เหล็กรอบๆ ดาวเนปจูน ส่วนชั้นนอกสุดของดาวเนปจูนเป็นชั้นบรรยากาศที่ประกอบไปด้วยแก๊สไฮโดรเจน ฮีเลียม และมีเทนเนื่องจากดาวเนปจูนมีการโคจรรอบตัวเองที่รวดเร็วมากคือประมาณ 16.11 ชั่วโมง จึงทำให้ดาวเนปจูนมีลักษณะโป่งออกที่เส้นศูนย์สูตร โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางบริเวณเส้นศูนย์สูตรมากกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางในแนวขั้วเหนือ-ใต้ประมาณ 848 กิโลเมตร |
ประวัติการค้นพบ ในปี พ.ศ.2389 นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ เออร์เบียน เลอ เวอเรียร์ ( Urbain Le Verrier ) คำนวณว่า ต้องมีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งรบกวนการโคจรของดาวยูเรนัส จนเมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2389 โจฮันน์ จี. กาลเล (Johann G. Galle ) นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันแห่งหอดูดาวเบอร์ลิน ได้ค้นพบดาวเนปจูนในตำแหน่งใกล้เคียงกับผลการคำนวณดังกล่าว |
บรรยากาศ
ประกอบด้วย ไฮโดรเจน 80 % ฮีเลียม 19 % และ มีเทน 1% เนื่องจากก๊าซมีเทนในบรรยากาศชั้นบน ดูดซับแสงสีแดงไว้ ทำให้เรามองเห็นดาวเนปจูนมีสีน้ำเงินคล้ายกันกับดาวยูเรนัส
ประกอบด้วย ไฮโดรเจน 80 % ฮีเลียม 19 % และ มีเทน 1% เนื่องจากก๊าซมีเทนในบรรยากาศชั้นบน ดูดซับแสงสีแดงไว้ ทำให้เรามองเห็นดาวเนปจูนมีสีน้ำเงินคล้ายกันกับดาวยูเรนัส
ดาวเนปจูนเป็นโลกแห่งพายุ ภาพถ่ายจากยานวอยเอเจอร์ 2 พบ จุดดำใหญ่ (Great Dark Spot ) เป็นพายุหมุนขนาดใหญ่เท่าโลก อยู่ทางซีกใต้ของดาวเนปจูน ลักษณะคล้าย จุดแดงใหญ่ (Great Red Spot ) บนดาวพฤหัสบดี และจากการสังเกตของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล เมื่อปี พ.ศ.2537 ยังพบจุดดำปรากฏทางซีกเหนือของดาวเนปจูนอีกด้วย นอกจากนั้นทางซีกใต้ยังมี กลุ่มเมฆหมุนวน ขนาดเล็ก สว่าง รูปร่างไม่คงที่ เคลื่อนที่ไปรอบดาวเนปจูน สันนิษฐานว่าอาจ เป็นกระแสอากาศหมุนวน พุ่งจากระดับล่างขึ้นสู่บรรยากาศระดับบน กระแสลมแรงบนดาวเนปจูน วัดความเร็วได้ถึง 2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สนามแม่เหล็ก แกนแม่เหล็กของดาวเนปจูนเอียงออกจากแกนหมุนรอบตัวเอง 47 องศา และไม่อยู่ในแนว ศูนย์กลางดวง แต่เคลื่อนห่างออกไป 0.55 ของรัศมีดวง หรือประมาณ 13,500 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อว่าลักษณะเช่นนี้มีผลต่อ สนามแม่เหล็กของดาวเนปจูนด้วย บริวาร นับจนถึงปี พ.ศ.2544 ค้นพบบริวารของดาวเนปจูนจำนวน 8 ดวง และในปี 2546 ค้นพบบริวารเพิ่มขึ้นอีก 3 ดวง รวมเป็น 11 ดวง มีดวงจันทร์ไทรทันเป็นดวงใหญ่สุด เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2,700 กิโลเมตร นอกนั้นเป็นดวงจันทร์ขนาดเล็ก เส้นผ่า ศูนย์กลางประมาณ 50- 400 กิโลเมตร เท่านั้น |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น